วันจันทร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2555

Here's Washington DC.

เมืองหลวงของ USA: Washington DC


หลังจากท่องเที่ยวอยู่นิวยอร์คได้ 3-4 วันก็ขอเปลี่ยนบรรยากาศนั่งรถบัสมาที่ Washington DC เมืองหลวง ศูนย์กลางราชการของประเทศสหรัฐอเมริกา การเดินทางมาจากนิวยอร์คนับว่าง่ายมากครับ มีทั้งรถไฟ เครื่องบินหรือรถบัสที่ผมนั่งมาราคาเพียง 30$ ใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง ออกเดินทางจากนิวยอร์คตอนเที่ยงคืนถึงที่นี่ก็รุ่งเช้า พร้อมลุยเที่ยวทันทีครับ

บริเวณด้านหน้า The Lincoln Memorial 

วอชิงตัน ดี.ซี. เป็นเมืองหลวงของสหรัฐอเมริกา ติดต่อกับรัฐเวอร์จิเนียและรัฐแมริแลนด์ โดยวอชิงตัน ดี.ซี. อยู่ในเขตฝั่งซ้ายของแม่น้ำพอตอแมก (Potomac River) กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สร้างในสมัย ประธานาธิบดี จอร์จ วอชิงตัน ประธานาธิบดีท่านแรกของสหรัฐอเมริกาของสหรัฐ สร้างขึ้นแทน ฟิลาเดเฟียที่เคยเป็นเมืองหลวงของสหรัฐสมัยเป็นดินแดนโพ้นทะเลของอังกฤษ และมีอนุสาวรีย์วอชิงตัน ที่มีลักษณะเป็นแท่งโอเบลิสก์สูง 555 ฟุต (169 เมตร) สร้างเป็นเกียรติแก่ จอร์จ วอชิงตัน

รูปปั้นของท่าน Abraham Lincoln ประธานาธิบดีคนที่ 16 ของ USA 

ผังเมืองของ วอชิงตัน ดี.ซี. จะมีศูนย์กลางที่ตึกรัฐสภาโดยจะแบ่งเมืองออกเป็น 4 ส่วนคือ ตะวันตกเฉียงเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันออกเฉียงใต้ และ ตะวันตกเฉียงใต้ โดยถนนที่สร้างใหม่ในแนวเหนือใต้จะเป็นตัวเลข ในขณะที่ถนนในแนวตะวันออกตกจะเป็นตัวอักษร a b c ซึ่งถนนเส้นเก่ายังคงชื่อเดิมอยู่ ถนนทะแยงเป็นชื่อมลรัฐ

สถานที่สำคัญในเมืองประกอบด้วย ทำเนียบขาว ตึกสำคัญและตึกรัฐสภาสหรัฐอเมริกาเป็นสถานที่สำคัญ รวมถึงพิพิธภัณฑ์ที่หลายแห่งบริเวณรอบ สถาบันสมิธโซเนียน ตั้งอยู่ที่บริเวณที่ชื่อเนชันแนลมอลล์ นอกจากนี้ในเมืองยังประกอบด้วย หอศิลป์แห่งชาติ จอร์จทาวน์ซื่งเป็นบริเวณที่เก่าที่สุดของตัวเมืองและเป็นแหล่งชอปปิงอยู่ทางทิศตะวันตกของเมือง ยูเนียนสเตชัน สถานีรถไฟและรถไฟใต้ดินที่สำคัญของเมือง และไชนาทาวน์

ระบบขนส่งมวลชนในเมืองจะมีระบบรถไฟใต้ดินเรียกว่า เมโทรเรล (หรือรู้จักในชื่อ เมโทร) ซึ่งมีทั้งหมด 5 สาย และ 86 สถานี สำหรับระบบรถเมล์ในตัววอชิงตันเองจะมีสองระบบได้แก่ เมโทรบัส และ เซอร์คิวเรเตอร์ โดยนอกจากนี้ระบบรถเมล์เหล่านี้ยังเชื่อมต่อกับเมืองและรัฐข้างเคียง

วอชิงตันมี 2 สนามบินคือ ท่าอากาศยานนานาชาติวอชิงตันดัลเลส และ ท่าอากาศยานโรนัลด์เรแกนวอชิงตันเนชันเนล ซึ่งทั้งสองสนามบินตั้งอยู่ในมลรัฐเวอร์จิเนีย

สำหรับรถไฟจะมีรถไฟแอมแทรก MARC และ Virginia Railway Express เข้าสู่สถานีที่ยูเนียนสเตชันเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟใต้ดิน รถไฟใต้ดินที่นี่มีสภาพเเละความทันสมัยกว่าเยอะ มีการจัดการเส้นทางที่ค่อนข้างเป็นระบบกว่านิวยอร์คมาก อาจเป็นเพราะเมืองนี้ถูกวางผังเมืองเเละสร้างเมืองหลังจากนิวยอร์ค 

สถานที่ท่องเที่ยวที่ทุกคนไม่ไปไม่ได้เเล้ว !




ทำเนียบขาว (The White House)


ภาพถ่ายจากด้านนอกบริเวณทำเนียบขาว

ทำเนียบขาว หรือ ไวท์เฮาส์ เป็นบ้านอย่างเป็นทางการและสถานที่ทำงานของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา สร้างขึ้นระหว่าง ค.ศ. 1792 ถึง ค.ศ. 1800 ด้วยหินทรายและสีขาวในสไตล์จอร์เจียนยุคหลัง และกลายเป็นที่อยู่อาศัยของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาทุกคนนับตั้งแต่ประธานาธิบดีจอห์น แอดัมส์เมื่อประธานาธิบดีทอมัส เจฟเฟอร์สัน ได้ย้ายมายังบ้านหลังนี้ในปี 1801 เขากับสถาปนิก เบนจามิน เฮนรี่ แลทโรบ (Benjamin Henry Latrobe) ได้ขยายพื้นที่อาคารออกไป โดยการสร้าง แนวเสาระเบียงสองด้านอันมีความหมายถึงการปกปิดความมั่นคงและการเก็บรักษา

ในปี 1814 ระหว่างช่วงสงครามแห่งปี 1812 คฤหาสน์หลังนี้ถูกกลุ่มทหารชาวอังกฤษเผา ทำให้กำแพงภายในและภายนอกไหม้เกรียมอย่างมาก หลังจากนั้นจึงได้มีการฟื้นฟูขึ้นมาใหม่เกือบทันที ประธานาธิบดีเจมส์ มอนโรได้ย้ายเข้ามาสู่บ้านที่บูรณะขึ้นใหม่นี้ในเดือนตุลาคม ปี 1817 การก่อสร้างได้ดำเนินการต่อและได้เพิ่มเติมระเบียงทางทิศใต้ (South Portico) ในปี 1824 และทางทิศเหนือ (North Portico)

ในปี 1829 เนื่องจากว่ามีคนจำนวนมากในตัวคฤหาสน์ ประธานาธิบดีทีโอดอร์ รูสเวลต์จึงได้ย้ายห้องทำงานเกือบทั้งหมดไปยังปีกตะวันตกในปี 1901 จากนั้น 8 ปีต่อมา ประธานาธิบดีวิลเลียม เอช. ทัฟต์ จึงได้ขยายส่วนที่เป็นปีกตะวันตก และได้สร้างห้องทำงานรูปไข่ห้องแรกขึ้น ห้องใต้หลังคาชั้น 3 เปลี่ยนเป็นที่ที่สามารถอยู่อาศัยได้ในปี 1927 หลังจากได้เพิ่มหลังคาที่ทันสมัยและหน้าต่างที่รับแสง มีการปรับปรุงปีกตะวันออกครั้งใหม่เพื่อใช้เป็นห้องรับรองและสำหรับงานสังคมต่างๆ ทั้งสองปีกนั้นจะเชื่อมเข้าหากันโดยแนวระเบียงเจฟเฟอร์สัน ปีกตะวันออกได้เปลี่ยนแปลงเสร็จเรียบร้อยในปี 1946 และได้มีการสร้างพื้นที่ห้องทำงานเพิ่มอีกด้วย

ต่อมา ในปี 1948 คานรับน้ำหนักที่ทำด้วยไม้ของกำแพงภายในและภายนอกบ้านนั้นดูเหมือนจะรับน้ำหนักไม่ไหว ห้องที่อยู่ภายในจึงได้ถูกรื้อออกโดยสมบูรณ์ เป็นผลให้ภายในบ้านนั้นมีเหล็กกล้าเป็นโครงสร้างหลัก และได้บูรณะห้องต่างๆในบ้านขึ้นมาใหม่

ทุกวันนี้ ได้มีการรวมไปที่พักอาศัย และปีกตะวันตก-ตะวันออกเข้าด้วยกันเรียกว่า ศูนย์รวมทำเนียบขาว (The White House Complex) ทำเนียบขาวนั้นมีด้วยกัน 6 ชั้นได้แก่ ชั้นหนึ่ง ชั้นลอย ชั้นสอง ชั้นสาม และชั้นใต้ดินอีก 2 ชั้น ตั้งอยู่เลขที่ 1600 ถนนเพนซิลเวเนีย NW ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในฐานะที่เป็นที่ทำงานสำคัญของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ชื่อของ "ทำเนียบขาว" จึงได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการปกครองด้วยระบบประธานาธิบดี ซึ่งนับเป็นทรัพย์สินของอุทยานแห่งชาติและเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานประธานาธิบดี

นอกจากนี้ ภาพของทำเนียบขาวยังถูกนำไปใช้ในด้านหลังของธนบัตรใบละ 20 ดอลลาร์สหรัฐฯ อีกด้วย

สถาบันสมิธโซเนียน (Smithsonian Institution)

ภาพถ่ายด้านหน้าสถาบันสมิธโซเนียน

สถาบันสมิธโซเนียน เป็นสถาบันวิจัย สถาบันการศึกษา และพิพิธภัณฑ์ ที่บริหารจัดการและได้รับทุนจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและจากผู้บริจาคต่างๆ รวมถึงรายได้การจำหน่ายออกร้านและค่าสมาชิกนิตยสาร หน่วยงานส่วนใหญ่ของสถาบันตั้งอยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. แต่ยังมีพิพิธภัณฑ์อีกกว่า 19 แห่ง สวนสัตว์ ศูนย์วิจัย และหน่วยงานสนามอีกมากมายอยู่ในเมืองนิวยอร์ก เวอร์จิเนีย ปานามา และที่อื่นๆ มีวัตถุสิ่งของต่างๆ ในความดูแลของพิพิธภัณฑ์มากกว่า 136 ล้านชิ้น

สถาบันสมิธโซเนียนก่อตั้งขึ้นตามความประสงค์ของ
นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ เจมส์ สมิธสัน (James Smithson; ค.ศ. 1765-1829) ซึ่งระบุพินัยกรรมว่า หากหลานชายของเขา เฮนรี เจมส์ ฮังเกอร์ฟอร์ด ไม่มีทายาท ก็ให้ยกมรดกทั้งหมดให้แก่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาเพื่อก่อตั้งองค์กรที่สามารถ "เพิ่มพูนและเผยแพร่ความรู้" ให้แก่มนุษยชาติ ปี ค.ศ. 1835 เมื่อหลานของเขาเสียชีวิตลงโดยไม่มีทายาท ประธานาธิบดีแอนดรูว์ แจ็กสัน จึงรายงานต่อรัฐสภาถึงความจำนงของเขา เงินพินัยกรรมที่เขายกให้แก่รัฐบาลสหรัฐฯ เวลานั้นมีมูลค่า 104,960 ปอนด์ทองคำ หรือ 500,000 เหรียญสหรัฐ (คำนวณตามอัตราเงินเฟ้อในปี ค.ศ. 2005 จะคิดเป็นเงิน 9,235,277 เหรียญสหรัฐ)

สวน National Mall


สวน Nation Mall เป็นสวนเปิดตั้งอยู่ใจกลางเมืองดีซี มีหน่วยงานกลางเรียกว่า National Park Service คอยควบคุมดูเเลจัดการ สวน Nation Mall ประกอบไปด้วยพื้นที่จำนวนมากกว้างขว้าง ประกอบไปด้วยพิพิธภัณฑ์ อนุสรณ์ สถานที่ที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์หลายแห่งที่สำคัญของประเทศสหรัฐอเมริกา 

สวนแห่งนี้มีการเริ่มคิดที่จะจัดตั้งตั้งเเต่ปี ค.ศ. 1791 สถาปนิกผู้ออกแบบได้ออกแบบเมืองดีซีเเละสถานที่สำคัญอื่นๆ ไม่ว่าจะกระทรวง ทบวง กรม หน่วยงานสำคัญๆ รวมถึงพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ให้อยู่รายล้อมโดยมีสวน Nation Mall อยู่กึ่งกลาง สถานที่นี้มักเป็นที่ประท้วงสำหรับผู้ต่อต้านการทำงานต่างๆของรัฐบาลเเละการจัดเทศกาล นิทรรศการสำคัญๆ ทิศใต้ของสวนนี้ติดกับ ทำเนียบขาว (The White House) ซึ่งเป็นที่พักสำหรับประธานาธิบดีของประเทศสหรัฐอเมริกาอีกด้วย

บริเวณที่กว้างขว้างของสวน Nation Mall ประกอบไปด้วยสถานที่สำคัญต่างๆมากมาย คือ

Constitution Gardens
Sylvan Theater
Lincoln Memorial
Lincoln Memorial Reflecting Pool
National World War II Memorial
Korean War Veterans Memorial
Vietnam Veterans Memorial
The Three Soldiers Statue
Vietnam Women's Memorial
District of Columbia War Memorial
John Ericsson National Memorial
John Paul Jones Memorial
Lock Keeper's House
Jefferson Pie

เรียกได้ว่าเเค่มาที่นี่ที่เดียวก็คุ้มค่าเเล้วครับ การเดินทางมาที่นี่ก็ง่ายดายสามารถนั่งเเท็กซี่หรือจะโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดินมาที่นี่ก็ทำได้ ถนนที่นี่กว้างขว้าง เพราะผังเมืองถูกออกเเบบมาเป็นอย่างดีิ ในบริเวณสวน Nation Mall ที่ค่อนข้างจะกว้างขว้างดังนั้นหากจะต้องการเที่ยวทุกสถานที่ก็ควรเช่าจักรยานสาธารณะซึ่งมีค่าบริการถูกมากประมาณ 5-10$ ต่อวันครับ


สวนคอนสติติวชั่น (Constitution Gardens)


สวนแห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ของ Nation Mall มีพื้นที่กว้างขว้างถึง 2 แสนตารางเมตร  เป็นสวนพักผ่อนของชาวเมืองที่ใหญ่ที่สุด มีพันธุ์ไม้เเละความหลากหลายของธรรมชาติ นอกเหนือจากนั้นสวนแห่งนี้ยังตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เครียงกับสถานที่สำคัญต่างๆมากมายทั้งอนุสรณ์ พิพิธภัณฑ์ สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย เหมาะอย่างยิ่งเวลานักท่องเที่ยวเดินเที่ยวในตัวเมือง พิพิธภัณฑ์ต่างๆิ จนเหนื่อยเเล้ว ก็สามารถเข้ามาพักเหนื่อย นั่งๆนอนๆ หาของกินในสวนแห่งนี้ได้ครับ

อนุสรณ์สถานทหารผ่านศึกเวียดนาม (Vietnam Veterans Memorial) 

 

"The Wall" จารึกชื่อผู้เสียชีวิตเเละผู้สูญหายระหว่างสงคราม

สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ทหารอเมริกันผู้ต่อสู้ในสงครามเวียดนาม ผู้เสียชีวิต และ ผู้สูญหายระหว่างสงคราม เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 13 พ.ย.2525 อยู่ในความดูแลของสำนักงานอุทยานแห่งชาติแห่งสหรัฐอเมริกา (National Park Service) ออกแบบโดยสถาปนิกภูมิทัศน์ มายา ลิน ซึ่งออกแบบไว้ขณะที่มีอายุเพียง 21 ปี เป็นนักศึกษาสถาปัตย์แห่งมหาวิทยาลัยเยล หินที่นำมาใช้สร้างกำแพงนำมาจากบังคาลอร์ ประเทศอินเดีย โดยได้รับแรงบันดาลใจจากการก่อ สร้างโบสถ์ของกลุ่มภราดรภาพและสันติภาพเพื่อทหารผ่านศึกเวียด นามในนิวเม็กซิโก ในปี 2514 ที่เริ่มด้วยบิดามารดาของนายทหาร เดวิด เวสต์ฟอลล์ ผู้ถูกรุมสังหารพร้อมกับนายทหารอื่นอีกสิบสามนายในเวียดนามในปี 2511

ทุกๆ ปีมีผู้คนจากทุกสารทิศ ทั้งคนอเมริกันและคนจากประเทศอื่นมาเยี่ยมเยียนสถานที่แห่งนี้มากมาย และมักนำกุหลาบสีแดง สีขาว สีเหลือง มาวางไว้ใกล้กับชื่อของผู้ที่จากไป ที่อาจจะเป็นบรรพบุรุษผู้จากไปเพราะสงคราม



อนุสรณ์ลินคอร์น (The Lincoln Memorial)

อาคารอนุสรณ์ลินคอร์น

Lincoln Memorial เป็นอาคารหินอ่อน ที่สร้างและตามศิลปะแบบกรีก ประกอบด้วยเสาดอริก 38 เสา ที่หมายถึง 38 มลรัฐ ซึ่งรวมกันเป็นประเทศสหรัฐอเมริกา ในสมัยที่ลินคอล์นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ภายในเป็นอนุสาวรีย์หินอ่อนของประธานฯ ลินคอล์นนั่งบนเก้าอี้ ผนังด้านซ้ายจารึกสุนทรพจน์ของท่าน ลินคอล์นเป็นผู้มีคำสั่งให้เลิกทาส และเป็นการเลิกทาสที่นองเลือดรุนแรง แต่สุดท้าย ก็จบชีวิตด้วยการถูกลอบสังหาร

อนุสรณ์สถานแด่ผู้ยิ่งใหญ่ รัฐบุรุษที่คนทั้งอเมริการัก และเคารพ สัญลักษณ์ของความกล้า ความรักชาติ ความเป็นอเมริกัน อนุสาวรีย์อับราฮัม ลินคอล์น จุดเริ่มต้นตำนานความรักชาติ เครื่องหมายเพื่อเชิดชูเสรีภาพ วีรกรรมที่ต่างต้องยกย่อง สุนทรพจน์ คำปราศรัยแห่งประวัติศาสตร์ ถูกรวบรวมผ่านจิตรกรรมฝาผนังภายในอนุสาวรีย์ลินคอล์น ที่สุดท้ายแห่งการรำลึกถึง เพื่อให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ถึงความรู้สึก อารมณ์ส่วนลึกที่เขามีต่อประเทศ ต่อประชาชน และต่อความเสมอภาค

อับราฮัม ลิงคอล์น (อังกฤษ: Abraham Lincoln) ประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกา เป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องว่า เป็นประธานาธิบดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของสหรัฐอเมริกา เริ่มดำรงตำแหน่งเมื่อ 4 มีนาคม ค.ศ. 1861 จนกระทั่งถูกยิงเสียชีวิต ลินคอร์น ประกาศว่าเขาต่อต้านระบบทาสในสหรัฐอเมริกา[1][2] ลินคอร์นชนะตัวแทนจากพรรครีพับลิกันในปี ค.ศ. 1860 และได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีในปีถัดมา ระหว่างการดำรงตำแหน่ง ลินคอร์นได้ช่วยรักษาประเทศ โดยการเป็นผู้นำในการถอนตัวออกจากผู้สบคบร่วมคิดในสงครามประชาชนอเมริกัน ของรัฐบาลกลางสหรัฐในสงครามอเมริกัน เขายังได้แนะนำมาตรการในการเลิกทาส ซึงนโยบายอันนี้ได้ประกาศใช้ในปี ค.ศ. 1863 และได้รับการผลักดันให้บรรจุเข้าไปในการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งที่ 13 ในปี ค.ศ. 1865
อับราฮัม ลิงคอล์น เป็น 1 ใน 4 ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่รูปใบหน้าได้รับการสลักไว้ที่อนุสรณ์สถานแห่งชาติ เมานต์รัชมอร์ (Mount Rushmore) ใบหน้าของเขาปรากฏอยู่บนธนบัตรราคา 5 ดอลลาร์สหรัฐ และเหรียญราคา 1 เซนต์ ชื่อของเขาถูกนำมาตั้งเป็นชื่อเรือดำน้ำนิวเคลียร์ และเรือบรรทุกเครื่องบิน

อนุสาวรีย์วอชิงตัน (Washington Monument)


อนุสาวรีย์วอชิงตัน โดดเด่นเเต่ไกลในกรุงวอชิงตัน ดีซี

อนุสาวรีย์วอชิงตัน (Washington Monument) เป็นอนุสาวรีย์ที่สร้างเพื่อเป็นเกียรติแก่จอร์จ วอชิงตัน ประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐอเมริกา  แท่นหินสีขาวสูงเสียดฟ้ากลางอุทยานในภูเขาเวอร์นอน ที่ตั้งอนุสาวรีย์ประธานาธิบดีคนแรกของอเมริกา เครื่องหมายแห่งประชาธิปไตย สัญลักษณ์ของเอกราช ส่องประกายเจิดจ้า ท้าทาย ความสูงประกาศโดยทั่วกันว่า ดินแดนแห่งนี้ สิทธิ เสรีภาพอยู่เหนือสิ่งใด อนุสาวรีย์ที่งามสง่าพอๆ กับรัฐบุรุษผู้ให้กำเนิดอเมริกา ดึงดูด และเชิญชวนให้ชาวอเมริกันได้ย้อนระลึกถึง และภูมิใจที่ได้เกิดเป็นคนอเมริกัน อนุสาวรีย์วอชิงตันตั้งอยู่ ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี สหรัฐอเมริกา มีลักษณะเป็นแท่งโอเบลิสก์ ทำด้วยหินอ่อน หินแกรนิต และหินทราย สูง 555 ฟุต 5 ½ นิ้ว (169 เมตร) เป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในวอชิงตัน ดี.ซี. ออกแบบโดยโรเบิร์ต มิลส์ สถาปนิกในยุคนั้น เริ่มสร้างในปี ค.ศ. 1848 แต่กว่าจะสร้างเสร็จก็ล่วงเข้ามาจนถึงปี ค.ศ. 1884 ใช้เวลาสร้างนานถึง 36 ปี เนื่องจากเงินบริจาคหมด ประกอบกับเกิดสงครามกลางเมืองอเมริกัน ได้ทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อ 9 ตุลาคม ค.ศ. 1888 ใช้หินไป 36,491 ก้อน หนัก 90,854 ตัน ใช้เงินไปทั้งสิ้น 1,187,710 เหรียญสหรัฐ ข้างบนเป็นจุดชมวิว มีลิฟต์และบันได 897 ขั้น หินแต่ละก้อนที่นำมาสร้างบันไดในอนุสาวรีย์ได้มาจากที่ต่างๆทุกรัฐของอเมริกา และจากการบริจาคจากองค์กรเอกชนและรัฐบาลมิตรประเทศต่างๆของอเมริกา อาจเรียกว่าเป็นหินนานาชาติ อนุสาวรีย์วอชิงตัน ตั้งอยู่ทางตะวันออกของอนุสรณ์สถานลินคอล์น

รัฐสภาสหรัฐอเมริกา (United States Capitol) 


ด้านหลังของอาคารรัฐสภาแห่งสหรัฐอเมริกา

รัฐสภาสหรัฐอเมริกาหรือสภาคองเกรส เป็นที่สำหรับการปฏิบัติงานของรัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกา อยู่ทางทิศตะวันออกของ
สวน Nation Mall รัฐสภาแห่งสหรัฐอเมริกา  เป็นสถาบันฝ่ายนิติบัญญัติสูงสุดในระบบการกครองของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นระบบสภาคู่ ที่ประกอบด้วย วุฒิสภา (United States Senate) และ สภาผู้แทนราษฎร (United House of Representatives) สมาชิกของทั้งสองสภาได้รับเลือกจากประชาชนโดยตรง

คำว่า “คองเกรส” หมายถึงการประชุมนิติบัญญัติแต่ละสมัยของสภาผู้แทนราษฎร ฉะนั้นแต่ละ “คองเกรส” จึงเป็นเวลาสองปี ปัจจุบันเป็นคองเกรสสมัยที่ 112 (112th Congress)

รัฐสภาแห่งนี้ มีทั้งหมด 5 ชั้น เริ่มก่อสร้างในปั ค.ศ.1793 ออกแบบโดย William Thornton โดยอยู่แผนการสร้างเมืองหลวงใหม่ในคราวนั้นด้วย

ข้อมูลบางส่วนจาก:


http://en.wikipedia.org/wiki/Washington,_D.C.
http://topicstock.pantip.com/klaibann/topicstock/H3409284/H3409284.html



Here's New York?

เมื่อโชคชะตาพาเรามาที่ New York!


เมื่อโชคชะตาดลบันดาลให้เราวันหยุดยาววววเเละเพื่อนที่อยู่นิวยอร์คก็ว่างพอดี ผมเลยตัดสินใจบินจาก St.Louis ไปสู่ New York ด้วยค่าตั๋วเกือบ 2  หมื่นบาท เเต่เพื่อเมืองในฝัน ซึ่งผมเชื่อเเน่ว่ามันก็คงเป็นเมืองในฝันของใครหลายคน อย่างที่รู้ๆ ครับ นิวยอร์ค NYC ประกอบด้วยเขตย่อยๆ ทั้งหมด 5 เขต แต่เขาที่เราหรือคนส่วนใหญ่เดินเที่ยวจะอยู่บนเกาะที่เรียกว่า Manhattan (แต่ผมไปพักอยู่บ้านเพื่อนบน Queen ซึ่งใช้เวลาในการเดินทางเข้ามาที่ Manhattan ประมาณ 15-20 นาที ด้วยรถไฟสายสีม่วง จำได้แม่น)


Statue หรือ เทพีเสรีภาพ สัญลักษณ์ของนิวยอร์ค

ก้าวเเรกผมลงเครื่องที่ LaGuardia Airport เเม้ที่นี่จะเป็นสนามบินภายในประเทศ เเต่บอกได้คำเดียวว่าคนเยอะยิ่งกว่าสุวรรณภูมิบ้านเราเสียอีก อาจเป็นเพราะคนที่นี่นิยมเดินทางด้วยเครื่องบินกันมากเพราะนอกจากจะมีราคาไม่สูงมากเเล้ว ยังประหยัดเวลาไปได้มาก ผมนัดเจอเพื่อนที่สถานีรถไฟฟ้าแห่งหนึ่งในเเมนฮัตตัน (ถึงเเม้จะไม่เคยมาเหยียบที่นี่มาก่อน เเต่ก็นัดเพื่อนให้ไปเจอที่นั่น) หลังจากเอากระเป๋าเรียบร้อย ผมส่องแผนที่ด้านหน้าสนามบินเเละถามคนเเถวนั้นอีกนิดหน่อยจึงโดดขึ้นรถเมล์เพราะเป็นหนทางที่ประหยัดที่สุด เพราะถ้าจะให้นั่งเเท็กซี่ออกมาคงประมาณ 100$ เห็นจะได้


วินาทีเเรกที่ได้เห็นบอกได้คำเดียวว่าเป็นเมืองที่โทรมมาก มีเเต่ตึกระฟ้า เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย หลากหลายเชื้อชาติ ตึกราบ้านช่องก็ไม่ได้สวยงาม สะอาด ทันสมัยเสียเท่าไร เเต่อาจเป็นเพราะนี่ไม่ใช่ย่านใจกลางเมืองอย่างเเถบ Times Square ก็เลยยังไม่เห็นอะไรที่จะดูสวยงามสักนิด เเต่พอได้เข้าไปในย่านการค้า ย่านธุรกิจก็จะพบอีกด้านของความเจริญ ร้านค้ายี่ห้อดังจากทั่วโลก บริษัทใหญ่โตบนตึกสูงๆ มากมาย ตอนกลางคืนก็มีนักท่องเที่ยวเเละผู้คนออกมาเดินเล่น เป็นวิถีชีวิตอีกเเบบหนึ่งของที่นี่ กลายเป็นจุดเด่นที่สำคัญจนทำให้เราหลงใหลเสน่ห์ของนิวยอร์คจนอยากจะกลับมาเยือนอีกครั้ง


ข้อมูลคร่าวๆ "นครนิวยอร์ก" หรือที่นิยมเรียกกันว่า นิวยอร์กซิตี เป็นเมืองใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา เป็นเมืองที่เจริญที่สุดในโลก เป็นมหานครเอกของโลก จัดได้ว่าเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเงิน วัฒนธรรม บันเทิง ที่สำคัญที่สุดของโลก เป็นเมืองที่มีตึกระฟ้า ตึกสูงมากที่สุดในโลก ตลอดระยะเวลา 150 ปี และยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ อีกด้วยครับ




ลักษณะเฉพาะของนิวยอร์กที่แตกต่างไปจากเมืองแห่งอื่นของสหรัฐอเมริกา มีให้เห็นหลายอย่าง เริ่มตั้งแต่ระบบขนส่งที่มีโครงข่ายขนาดใหญ่ ความเหมือนและความแตกต่างกันของประชากร ใน ค.ศ. 2005 มีภาษาประมาณ 170 ภาษาที่ใช้กันในเมืองแห่งนี้ และ 36% ของประชากรไม่ได้เกิดและโตในสหรัฐอเมริการะบบรถไฟใต้ดินนครนิวยอร์กที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง บวกกับการจราจรและผู้คนที่พลุกพล่านอยู่ตลอดเวลา จึงมีคำเปรียบเปรยถึงนิวยอร์กว่าเป็น “เมืองที่ไม่เคยหลับใหล


สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่่ทุกคนไม่ควรพลาด



Statue of Liberty 


อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ หรือ เทพีเสรีภาพ เป็นอนุสาวรีย์ที่ยิ่งใหญ่ และมีคุณค่าทางจิตใจ ในภาษาอังกฤษ เรียกว่า Statue of Liberty แต่เดิมชื่อว่า Liberty Enlightening the World ตั้งอยู่ ณเกาะลิเบอร์ตี อ่าวนิวยอร์ก ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นของขวัญที่ชาวฝรั่งเศสมอบให้แก่ชาวอเมริกัน ในวันที่อเมริกาเฉลิมฉลองวันชาติครบ 100 ปี ณ วันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2419 โดยส่งมอบอย่างเป็นทางการ โดยมี ประธานาธิบดีโกรเวอร์ คลีฟแลนด์ ในวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2429 โดยสาเหตุที่ชาวฝรั่งเศสมอบเทพีนี้ให้ก็เพราะชาวฝรั่งเศสชื่นชมในความกล้าหาญของชาวอเมริกันที่กล้าลุกขึ้นต่อสู้ประกาศอิสรภาพกับสหราชอาณาจักร ชาวฝรั่งเศสจึงร่วมกันบริจาคเงินสร้างของที่ระลึกนี้แก่ชาวอเมริกัน

เด็กนักเรียนไทยกับเทพีเสรีภาพ

การเข้าชมที่นี้จะต้องนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินซึ่งสะดวกที่สุดมาลงที่ Battery Park เเล้วมาที่ท่าเรือเพื่อซื้อบัตรเข้าชมซึ่งบัตรก็จะแบ่งเป็นการชมพื้นที่ด้านล่าง ถ้าจะขึ้นไปชมวิวด้านบนก็ต้องซื้อเพิ่มอีก ราคาบัตรก็สงวนราคาอยู่ที่ 40$ (ถ้าจำไม่ผิด) เเต่เพราะผมได้บัตรฟรีจากเพื่อน เป็นบัตร VIP ไม่ต้องต่อเเถวรอคนเป็นร้อยเลยครับ เดินผ่านไปขึ้นเรือข้ามฝากไปเลย 


เรือที่ขึ้นไปจะขับช้าๆ เเวะพัก ที่เกาะ Ellis Island กับ Liberty Island ครับ สามารถลงเที่ยวได้ทั้ง 2 เกาะตามสบาย เเล้วก็รอขึ้นเรือรอบต่อไป ในช่วงที่ผมไป นึกว่าอยู่เมืองไทยเสียอีก ผมเจอคนไทย นักเรียนไทยเห็นจะ 20 คนได้เยอะมาก ทุกคนล้วนเเวะมาเที่ยวที่นี่ก่อนจะกลับเมืองไทย 

เทพีเสรีภาพ ถือเป็นอีก 1 สถานที่ ที่ถ้าหากคุณมาอเมริกาเเล้วไม่ได้มาถ่ายรูปคู่เหมือนจะมาไม่ถึงอเมริกาจริงๆ 

Times Square 


ใจกลางย่าน Times Square

Times Square
 คงเป็นอีกสถานที่ที่ทุกคนอยากมาเยือน ที่นี่เป็นสถานที่จัดงานฉลองปีใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้ในช่วงวันสิ้นปี บริเวณไทมส์แสควร์จะมีผู้คนหลายแสนคนไปรวมกันเพื่อไปเคานต์ดาวน์ ต้อนรับงานปีใหม่ และในช่วงวันขอบคุณพระเจ้า ทางห้างเมซีส์ จัดขบวนพาเหรดทุกปี บริเวณถนนบอร์ดเวย์ นอกจะจะเต็มไปด้วยตึกสูงมากมาย ยังประดับประดาไปด้วยไฟ โทรทัศน์ขนาดใหญ่ ทำให้ทุกค่ำคืนที่นี่มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมกว่าแสนคนต่อวัน  Times Square เป็นจุดตัดสำคัญของถนนใน แมนฮัตตัน นครนิวยอร์ก โดยเป็นจุดตัดของถนนบรอดเวย์ กับ ถนนเซเวนท์ เอเวนิว อีกทั้งยังเป็นจุดที่อยู่ระหว่าง ถนนเวสต์ โฟตี เซเคอนด์ สตรีท กับ ถนนเวสต์ โฟตี เซเวนท์ สตรีท ซึ่งไทม์สแควร์ทอดตัวยาวอยู่บนพื้นที่ในบล็อกระหว่างถนนซิกท์ เอเวนิว กับ ถนนเอกท์ เอเวนิว ในความยาวแนวตะวันออก - ตะวันตก และอยู่บนพื้นที่ระหว่างถนนเวสต์ โฟตีท์ สตรีท กับ ถนนเวสต์ ฟิฟท์ตี เทิร์ด สตรีท ในแนวเหนือ - ใต้ โดยไทมสแควร์เองได้กลายเป็นจุดสำคัญจุดหนึ่งบนฝั่งตะวันตกของย่านธุรกิจการค้าในเขตมิดทาวน์ แมนฮัตตัน



การเดินทางมาที่นี่ไม่ควรใช้รถส่วนตัวครับ เพราะรถติดมากเเละถนนค่อนข้างเล็ก เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว ควรใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินเนื่องจากสถานีจุดนี้เป็นที่เปลี่ยนสายสำคัญจึงมีรถไฟฟ้าใต้ดินหลายสายผ่าน เเละราคาไม่เเพง


โรงละคร The Phantom of Opera

นอกจากนี้ยังมี
โรงละครบรอดเวย์ที่มีชื่อเสียงสำคัญมากมาย โดยละครเรื่องหนึ่งจะมีโรงละครเป็นของตนเอง ละครบรอดเวย์ที่นี่ถือเป็นที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก เรียกได้ว่านักท่องเที่ยวที่มาเเล้วไม่ได้ชมก็เหมือนจะพลาดสิ่งสำคัญไป สำคัญเรื่องที่จะเล่นในเเต่ละวันเเละการซื้อตั๋ว สามารถหาข้อมูลได้เเถวๆใต้บันไดแดง หลังอนุสาวรีย์ George M Coman สงวนราคาส่วนใหญ่ต่ำสุดจะอยู่ที่ประมาณ 70$ เเละละครเรื่องดังๆก็ต้องต่อเเถวซ์้อตั๋วหลายชั่วโมงครับ 

จุดเด่นอีกอย่างคือป้ายโฆษณาแอนิเมชั่นที่มีแสงไฟนีออนและจอแอลอีดีรายล้อมไทม์สแควร์ เป็นอีกภาพลักษณ์หนึ่งของมหา
นครนิวยอร์กที่ติดตาผู้คนไปทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของชีวิตเมืองบนเกาะแมนฮัตตัน และไทม์สแควร์ยังเป็นพื้นที่เพียงแห่งเดียวที่กฎหมายกำหนดว่าเจ้าของตึกบริเวณนั้นจำเป็นต้องติดตั้งป้ายโฆษณาส่องสว่าง ซึ่งจากการติดตั้งป้ายโฆษณาส่องสว่างจำนวนมากมายเหล่านี้ยังเป็นคู่แข่งที่สำคัญของลาสเวกัส และมีการเรียกป้ายนี้อย่างเป็นทางการว่า "สเปคเทคิวลาร์" ส่วนป้ายที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเรียกว่า "จัมโบตรอน" ชิ้นที่มีชื่อเสียงได้แก่ ป้ายของโตชิบา, แถบป้ายตัวอักษร 6 แถบของสถานีโทรทัศน์เอบีซี และป้ายจอภาพขนาด 7 ชั้นของแนสแดก เป็นต้น



Central Park 

สวนสาธารณะ Central Park 

เป็นสวนสาธารณะขนาด 843 เอเคอร์ (3.4 ตร.กม. หรือประมาณ สนามฟุตบอล 460 สนามต่อกัน) ตั้งอยู่ในเขตแมนฮัตตันของนครนิวยอร์ก เซ็นทรัลพาร์คเปรียบเสมือนโอเอซิสสำหรับชาวแมนฮัตตันเป็นสวนสาธารณะกลางใจนครนิวยอร์ก ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นสถานที่รื่นรมย์ของนักท่องเที่ยว สวนนี้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก หลังจากปรากฏในภาพยนตร์และละครโทรทัศน์หลายเรื่อง รวมทั้งภาพยนตร์ไทยอย่างกุมภาพันธ์ 

สวนนี้บอกได้คำเดียวว่าโรเเมนติคมาก ทั้งบรรยากาศ ทั้งอารมณ์ ผู้คน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการหนีความวุ่นวายภายนอกในตัวเมืองนิวยอร์คมาเเวะนั่ง นอนคลายเมื่อยอย่างยิ่งครับ


นอกเหนือจากนี้ New York 
ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในเกาะแมนแฮตตัน นักท่องเที่ยวมักจะแวะตามที่สถานที่เที่ยวที่มีชื่อเสียงได้แก่ ตึกเอมไพร์เสตต ตึกไครสเลอร์ วอลล์สตรีต สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ โบสถ์เซนต์แพทริก สะพานบรูคลิน เรือบรรทุกเครื่องบินอินทรีพิด



Fifth Avenue ถนนย่านช๊อปปิ้งสำคัญในนิวยอร์ค

แหล่งชอปปิ้งมากมายเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยว ได้แก่ บริเวณ ฟิฟท์อเวนูสำหรับของมียี่ห้อและเครื่องประดับ ห้างสรรพสินค้าเมซีส์ (Macy's) ห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ เฮอรัลด์สแควร์ที่มีขายของหลายระดับ กรีนวิชวิลเลจมีของขายเกี่ยวกับซีดีเพลงและหนังสือ อีสต์วิลเลจสำหรับขายของที่น่าสนใจ ถนน 47th ช่วงระหว่าง ฟิฟท์อเวนู และซิกซ์อเวนู ขายเครื่องประดับและอัญมนี โซโหแหล่งชอปปิ้งเสื้อผ้าชั้นนำต่างๆ เชลซีสำหรับการซื้อขายงานศิลป์ นอกจากในเขตแมนแฮตตันยังมีบริเวณดาวน์ทาวน์บรูคลิน และบริเวณควีนส์บูเลอวาร์ดในควีนส์ สำหรับแหล่งชอปปิ้งอื่นๆ

พิพิธภัณฑ์ที่เป็นที่รู้จักในนิวยอร์กได้แก่ พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิตัน (เดอะเม็ต) Museum of Modern Art (โมมา) และ American Museum of Natural History

ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก:





Start! at St.Louis, Missouri

เริ่มต้นบนดินแดน USA ที่เมือง St.Louis Missouri


จุดเริ่มต้นของการไปประเทศสหรัฐอเมริกา เริ่มมาจากการไปเข้าร่วมโครงการ work & traval เป็นเวลา 100 วันพอดิบพอดี ผมไปอยู่เมือง St.Louis รัฐ Missouri ใจกลางประเทศ ไม่ร้อนมาก ไม่หนาวมาก St.Louis เป็นเมืองใหญ่และสำคัญแห่งหนึ่งในภูมิภาคนั้นเพราะเป็นศูนย์กลางทางการเงิน เมืองนี้เคยเป็นเมืองที่มีสถิติอาญชกรรมสูงที่สุดในประเทศ (แต่ผมก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์ไม่ดีนะครับ) ผมไปทำงาน เป็น housekeeping หรือก็คือพนักงานทำความทำสะอาดในโรงแรมแห่งหนึ่ง และมีงาน 2 เป็น waiter ที่ร้านอาหารไทยอีก 3 ร้านในเมืองนั้น เรียกได้ว่าทำงานตัวเป็นเกลียว ตื่นตั้งแต่ 6 โมงครึ่ง นอนอีกทีก็ตื่นเกือบตี 1 ได้หยุดพักผ่อนอาทิตย์ละวัน แต่ถ้าคิดถึงเงินที่จะได้แล้วล่ะกัน พอยิ้มได้หน่อยครับ กลับเมืองไทยทำให้เข้าใจหัวอกพ่อแม่ที่ทำงานส่งเงินให้เราจริงๆ เพระตลอดเวลาที่อยู่ที่นู้นไม่เคยโทรศัพท์กลับมาขอเงินเลย แถมยังเอาเงินกลับมาคืนครบถ้วนทุกบาททุกสตางค์อีกต่างหาก นอกจากจะได้ประสบการณ์ที่มีค่ามากตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตที่นั่นแล้ว ยังได้ไปเที่ยวสถานที่ในฝันซึ่งผมคิดว่าคงเป็นฝันของใครหลายคนเหมือนกัน นั่นคือ New York, Washington DC, Boston, Chicago แต่ก็อื่นขอเล่าถึงเมืองที่ผมอยู่ก่อนแล้วกันนะครับ



St.Louis, Missouri


อย่างที่ได้บอกไปแล้วครับว่า เมืองนี้เป็นเมืองสำคัญและใหญ่มากในภูมิภาคนี้ แม้จะเป็นเมืองอันตราย แต่นั่นก็เป็นสถิติเมื่อหลายปีที่แล้ว St.Louis ประกอบไปด้วยคนดำซึ่งมีมากกว่า 60% คนขาว 30% และอื่นๆ โดยเฉพาะคนเอเชียอย่างคนไทยเราก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ 300-400 คนได้ ทิศตะวันออกติดต่อกับแม่น้ำมิสซิสซิปปี (Mississippi)  และชื่อเมืองตั้งชื่อตามกษัตริย์หลุยส์ที่ 9 ของฝรั่งเศส เซนต์หลุยส์เป็นเมืองที่มีวัฒนธรรมผสมของทางฝรั่งเศสและเยอรมนีด้วยกัน เซนต์หลุยส์เป็นที่รู้จักในฐานะรัฐที่เป็นหน้าด่านสู่ทิศตะวันตกของสหรัฐอเมริกา โดยจะมีสัญลักษณ์ขนาดใหญ่คือเกตเวย์อาร์ช ซึ่งอยู่หลังแมนชั่นผมเองครับ

สถานที่ท่องเที่ยวที่ทุกคนไม่ควรพลาด!




Gateway Arch



"Gateway to the West" … Arch สร้างอยู่ทางทิศตะวันตก ของแม่น้ำ Mississippi ครับ ทราบประวัติคร่าว ๆ มาว่า สมัยที่ชาวผิวขาวเข้ามาบุกเบิก ประเทศสหรัฐอเมริการัฐ Missouri ซึ่งตั้งอยู่กลาง ๆ ของประเทศนั้นเป็นทางผ่าน จากตะวันออกไปสู่ตะวันตก (เริ่มเข้ามาจากฝั่งตะวันออกของประเทศครับ ทางทวีปยุโรป) เค้าก็เลยมาสร้าง Arch ไว้ที่นี่ เพื่อเปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ให้ระลึกถึง ประตูสู่ตะวันตก สร้างเสร็จเมื่อปี 1965 ถึงวันนี้ก็ 40 กว่าปีแล้ว ตัว Arch สูงและกว้างเท่ากันคือ 192 ม. (630 feet)

โครงสร้างของ Arch ครึ่งล่างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ส่วนบนเป็นโครงสร้างเหล็ก และหุ้มปิดผิวด้วย แผ่น Stainless Steel ... ก็เลยสะท้อนแสงแวววาว


ข้างบนสุดของยอด Arch จะมีช่องสำหรับนักท่องเที่ยวชมวิว
สังเกตดี ๆ จะเห็นช่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าเล็ก ๆ ตรงกลาง Arch คือหน้าต่างสำหรับชมวิวครับ นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมวิวจากข้างบนได้ด้วย Tram Car เป็นเหมือนกึ่ง ๆ ลิฟท์ กึ่ง ๆ กระเช้าของชิงช้าสวรรค์ ตู้นึงนั่งได้ 5 คน ... ค่าขึ้นคนละ 10$ เเต่วิวข้างบนสวยมากครับบบ เเม้ตอนขึ้นไปจะเสียวๆ ก็ตาม 


The Old Courthouse หรือ อาคารเก่า ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญทางประวัติศาสตร์ 


มีรถม้าไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวชมเมือง


สํญลักษณ์ที่โดดเด่นอีกอย่าง คือ มีรถม้าไว้บริการนักท่องเที่ยวรอบเมือง โดยมีค่าบริการอยู่ที่่รอบละ  50$ ไม่รวมทิปให้คนขับ โดยคนขับจะใส่สูทดูดีเเละอัธยาศัยดีมากครับ การเดินทางใช้รถไฟฟ้า เรียกว่า Metro Link มาลงสถานี Busch Stadium ค่าโดยสาร 2.25$ เท่านั้นครับ
นอกเหนือจากนี้ในเมือง St.Louis ยังมีที่ท่องเที่ยวอื่นๆอีก เช่น


St.Louis Art Museum 


ด้านหน้าพิพิธภัณฑแห่งเมือง St.Louis

ด้านในก็จะมีสิ่งของ รูปภาพเเละผลงานศิลปะมากมายที่มีคุณค่า เเละตอนนี้ก็เพิ่งจะปรับปรุงเสร็จทาสีใหม่หมดทั้งตึก สวยงามมากครับ เเม้จะไม่ใหญ่เท่าพิพิธภัณฑ์ที่อื่น เเต่ก็เป็นสถานที่ให้เด็กไทยหลายคนเข้าไปนั่งตากแอร์ คลายเมื่อย เพราะค่าเข้าฟรีครับ การเดินทางมาที่นี่นั่งรถไฟฟ้า Metro Link มาลงสถานี Forest Park ค่าโดยสาร 2.25$ ครับ

Forest Park

The World's Fair Pavilion in Forest Park

Forest Park เป็นเหมือนศูนย์รวมของสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ถ้าพิจารณาพื้นที่จะพบว่ามีขนาดกว้างขว้างมาก ประมาณ 1300 เอเคอร์ ซึ่งในบริเวณของสวนนั้น รวมถึง St.Louis Art Museum, St. Louis Zoo, St. Louis Science Center สนามกีฬาต่างๆ เเละพิพิธภัณฑ์เล็กๆอีกหลายแห่ง สวนสาธารณะแห่งนี้เปิดมาเเล้วมกกว่า 100 ปีเลยครับ เก่าแก่มากๆ


St. Louis Zoo


1904 Flight Cage (Aviary)
สวนสัตว์แห่งนี้ตั้งอยู่ในบริเวณ Forest part ครับ นอกจากจะเป็นสวนสัตว์ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวชมฟรีเเล้ว ยังเป็นสถานค้นคว้า วิจัย แหล่งศึกษาสัตว์ต่างๆที่สำคัญในภูมิภาคนี้ด้วยครับ โดยมีสัตว์มากกว่า 2 ล้านตัว 15000 สายพันธุ์ นับมีไรให้ดู ให้ศึกษาเยอะมากครับ ใครที่มาไม่ควรพลาดจริงๆ


ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่:


http://wikitravel.org/en/St._Louis
http://www.stlrcga.org/